โรคตับ เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย และเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย โดยเฉพาะ ไขมันพอกตับ (Fatty Liver) ซึ่งเป็นภาวะที่ตับมีไขมันสะสมเกิน 5% ของน้ำหนักตับ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล อาจพัฒนาไปสู่ ตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง (Liver Cirrhosis) และในที่สุดอาจกลายเป็น มะเร็งตับ (Liver Cancer) ได้

สิ่งที่ทำให้โรคตับอันตรายคือ ระยะแรกมักไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยจำนวนมากจึงไม่รู้ตัวว่ากำลังมีปัญหา จนกว่าจะเข้าสู่ระยะรุนแรง การตรวจคัดกรองสุขภาพตับจึงเป็นวิธีที่ช่วย “รู้ก่อน ป้องกันได้ก่อน

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคตับ

1.  พฤติกรรมการรับประทานอาหาร – การบริโภคอาหารมันจัด หวานจัด และแคลอรีสูง ทำให้เกิดไขมันสะสมในตับ
2.  โรคอ้วนและไขมันในเลือดสูง – ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายเกินมาตรฐาน มีโอกาสเกิดภาวะไขมันพอกตับมากกว่าคนทั่วไป
3.  การดื่มแอลกอฮอล์ – การดื่มสุราในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นสาเหตุหลักของตับแข็ง
4.  โรคเบาหวาน – ภาวะดื้อต่ออินซูลินมีผลต่อการสะสมไขมันในตับ
5.  การใช้ยาหรือสมุนไพรต่อเนื่อง – ยาบางชนิดและสมุนไพรหากใช้เป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อตับ
6.  การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี – เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง และตับแข็ง

อาการที่ควรเฝ้าระวัง

ผู้ที่มีปัญหาโรคตับในระยะแรก มักไม่ค่อยแสดงอาการชัดเจน แต่หากโรคเริ่มพัฒนา อาจมีอาการ ดังนี้

  • เหนื่อย อ่อนเพลีย
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • แน่นท้อง ท้องอืด
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง (ภาวะดีซ่าน)
  • ท้องบวม มีน้ำในช่องท้อง
  • เลือดออกหรือฟกช้ำง่าย

...

การสังเกตอาการเหล่านี้อาจช่วยให้รู้ตัว แต่ทางที่ดีคือควรตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง

ใครบ้างที่ควรตรวจตับ?

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งตับ
  • ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี หรือ ซี
  • ผู้ป่วยโรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน
  • ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่ใช้ยาและสมุนไพรต่อเนื่อง

แนวทางการดูแลและป้องกันโรคตับ

  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดของทอด ของมัน และหวานจัด
  • ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะการตรวจตับในกลุ่มเสี่ยง

ตรวจสุขภาพตับวันนี้ เพื่อป้องกันอนาคต

โรคตับเป็น ภัยเงียบ ที่อาจไม่แสดงอาการจนกว่าจะเข้าสู่ระยะอันตราย ดังการตรวจสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และติดตามดูอาการอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง จึงเป็นแนวทางการป้องกันที่ดี หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ แพทย์สามารถวางแผนการรักษาและป้องกันไม่ให้ลุกลามไปสู่ภาวะรุนแรง เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ 

ข้อมูลโดย : ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ อาคาร 1 ชั้น 3 โรงพยาบาลพญาไท 1