
“ศุภจี” บุกตลาดซาอุฯ หารือรมว.พาณิชย์ ยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางอาหาร เตรียมทำความร่วมมือด้านบริการ ทั้งท่องเที่ยว ร้านอาหาร สปา บริการสุขภาพ แรงงาน พร้อมกล่อมผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ เพิ่มนำเข้ามันเม็ดไทยอีก 3 หมื่นตันสำเร็จ อ้อนห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ เพิ่มนำเข้าสินค้าไทยให้หลากหลายมากขึ้น
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3-4 ธ.ค.68 (ตามเวลาท้องถิ่น) ซาอุดีอาระเบีย ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าพบหารือกับนายมาญิด บินอับดุลเลาะฮ์ อัลกอเศาะบี รมว.พาณิชย์ซาอุดิอาระเบีย เพื่อหารือแนวทางยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า พร้อมเร่งขยายโอกาสสินค้าเกษตรและอาหารไทยในตลาดตะวันออกกลาง โดยวางเป้าหมายให้ซาอุฯเป็นประตูการค้าตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC)
สำหรับการหารือวันนี้ รมว.พาณิชย์ซาอุฯ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการส่งเสริมสินค้าไทยในตลาดซาอุฯ และพร้อมสนับสนุนการนำเข้าสินค้าคุณภาพจากไทย เช่น ข้าว อาหารฮาลาล วัตถุดิบอาหาร และผลไม้ และเห็นว่าไทยสามารถเป็น "แหล่งความมั่นคงทางอาหาร" ให้ซาอุฯได้ นอกจากนี้ ซาอุฯ ยังให้ที่ดินติดตั้งบูธ Thai Village เป็นการถาวร เพื่อส่งเสริมและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการของไทยในตะวันออกกลาง
“วันนี้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะจัดทำแผนงานความร่วมมือด้านบริการ (hospitality) ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น การท่องเที่ยว ร้านอาหาร สปา และบริการด้านสุขภาพ (wellness) รวมทั้งความร่วมมือด้านแรงงานมีฝีมือ เช่น พ่อครัว พนักงานในสาขาท่องเที่ยว เพื่อให้ซาอุฯ บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ “วิสัยทัศน์ซาอุฯ ค.ศ. 2030” ที่เน้นลดพึ่งพาน้ำมันและให้ความสำคัญกับภาคท่องเที่ยว”
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับผู้บริหาร บริษัท Arabian Agricultural Services Company (ARASCO) หนึ่งในบริษัทขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหาร ที่สำคัญที่สุดของซาอุฯ ครอบคลุมผลิตอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหาร ปุ๋ย สารกำจัดศัตรูพืช ยาและวัคซีนสัตว์ บริการโลจิสติกส์ครบวงจร โดยบริษัทได้นำร่องนำเข้ามันสำปะหลังอัดเม็ดจากไทย 20,000 ตันเพื่อผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และภายหลังการหารือครั้งนี้ ได้เพิ่มการนำเข้าอีก 30,000 ตัน เพราะมั่นใจในคุณภาพ และการส่งมอบตรงเวลา
“ไทยได้เสนอให้นำเข้าสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ปลายข้าว, หญ้าเนเปียร์ สำหรับอาหารสัตว์ ตลอดจน อาหารเลี้ยงปลา และ อาหารสัตว์ปีก ซึ่งบริษัทสนใจและพร้อมต่อยอดธุรกิจร่วมกับไทยในระยะยาว โดยไทยมีความพร้อมเป็นแหล่งวัตถุดิบคุณภาพสูงและพันธมิตรด้านอาหาร และยังใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของธุรกิจในเครือ ARASCO ขยายการส่งออกไปยังประเทศตะวันออกกลางอื่นได้อีกมาก”
นางศุภจี กล่าวอีกว่า ยังได้พบคณะผู้บริหาร LuLu Hypermarket ในกรุงริยาด และเปิดงาน Thailand Halal Food Festival 2025 โดยขอให้นำเข้าสินค้าต่างๆ และอาหารไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าวพันธุ์พิเศษ เช่น ข้าวน้ำตาลต่ำ ข้าวปลอดสารเคมี เป็นต้น รวมทั้งผักและผลไม้ อาทิ ทุเรียน มะม่วง มะขามหวาน มังคุด ลำไย มะพร้าวหอม, การร่วมลงทุนในธุรกิจด้านอาหารและบริการที่เกี่ยวเนื่อง และการจัดหาสินค้าหรือบริการศักยภาพของไทยไปให้บริการในห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ต
“LuLu Hypermarket จำหน่ายสินค้าไทยมากที่สุดในซาอุฯ มีสาขาในซาอุฯ 56 สาขา และอีกกว่า 200 สาขาทั่วอ่าวอาหรับ มีความคุ้นเคยและเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าไทย ตลอดสัปดาห์นี้ สาขาที่ริยาดจะจัดงาน Thailand Halal Food Festival 2025 เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมสินค้าไทยให้กับผู้บริโภคในซาอุฯ”