แอปเปิล เปิดให้ผู้ใช้นาฬิกา Apple Watch ในประเทศไทยสามารถใช้งานฟีเจอร์ใหม่ “การแจ้งเตือนภาวะความดันโลหิตสูง” (Hypertension Notifications) หลังจากฟีเจอร์นี้ได้รับการอนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อใช้งานในประเทศไทย ตั้งแต่ 4 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป

ฟีเจอร์นี้รองรับบนอุปกรณ์ Apple Watch Series 9-11, Apple Watch Ultra 2-3 ที่ใช้ watchOS 26 ส่วน iPhone ต้องใช้รุ่นที่รองรับ iOS 26 เช่นเดียวกัน

คุณสมบัติใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเฝ้าระวังความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตสูงเรื้อรัง ภาวะที่ส่งผลกระทบต่อประชากรโลกกว่า 1,300 ล้านคน โดยมีมากถึง 40% ที่ไม่รู้ว่าตนเองมีภาวะนี้ เนื่องจากแทบไม่แสดงอาการ ไม่ได้ตรวจสุขภาพเป็นประจำ และการวัดเพียงครั้งเดียวอาจไม่สะท้อนค่าที่แท้จริง

ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด เพียงแค่สวม Apple Watch ตลอดวัน ข้อมูลทั้งหมดอิงจากงานวิจัยทางการแพทย์ที่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด ใช้เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงขั้นสูง และได้รับการตรวจสอบความแม่นยำจากการศึกษาทางคลินิกในหลายประเทศ

วิธีเปิดใช้งานการแจ้งเตือนภาวะความดันโลหิตสูง

- เปิดแอป สุขภาพ (Health) บน iPhone

- แตะ ไอคอนโปรไฟล์ ที่มุมขวาบน

- เลือกเมนู รายการเช็คลิสต์สุขภาพ (Health Checklist)

- เลื่อนหาและแตะ การแจ้งเตือนความดันโลหิตสูง (Hypertension Notifications)

- ยืนยันอายุของคุณ และระบุว่าคุณเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือไม่ จากนั้นแตะ ดำเนินการต่อ

- แตะ ถัดไป (Next) และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อเรียนรู้วิธีการทำงานของระบบ

- เมื่อทำครบทุกขั้นตอน ให้แตะ เสร็จสิ้น (Done)

ฟีเจอร์นี้ ไม่ได้เป็นการวัดค่าความดันโลหิตโดยตรง เช่น ค่าตัวเลข 140/90 mmHg แต่ใช้ระบบการแจ้งเตือนภาวะความดันโลหิตสูง รูปแบบสัญญาณ Photoplethysmography (PPG) ที่สัมพันธ์กับภาวะความดันโลหิตสูงเรื้อรังอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นระบบจะวิเคราะห์แนวโน้มตลอด 30 วันแล้วจึงส่งการแจ้งเตือนหากพบความผิดปกติ และผู้ใช้ต้องอายุ 22 ปีขึ้นไป

เมื่อได้รับการแจ้งเตือนแอปเปิลแนะนำให้ผู้ใช้วัดความดันด้วยเครื่องวัดมาตรฐานต่อเนื่อง 7 วัน และนำผลไปปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินเพิ่มเติม

ฟีเจอร์ดังกล่าวพัฒนาจากข้อมูลสุขภาพของผู้เข้าร่วมกว่า 100,000 คน ผ่านแอป Apple Research และทำงานร่วมกับระบบตรวจสุขภาพอื่นใน Apple Watch เช่น อัตราการเต้นหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการหายใจ อุณหภูมิข้อมือ และรูปแบบการนอนหลับ เพื่อแจ้งเตือนเมื่อพบความผิดปกติที่ควรได้รับการดูแล