เป็นโรคงูสวัด ห้ามกินอะไรบ้าง เป็นคำถามที่หลายๆ คนสงสัย เนื่องจากโรคงูสวัด ถือเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดแสบปวดร้อน มีผื่นแดง หรือมีตุ่มน้ำ หากดูแลไม่ดี หรือกินอาหารแสลงก็อาจจะส่งผลให้แผลลุกลามหรือหายช้าได้
บทความนี้ ไทยรัฐออนไลน์สรุปข้อมูลสั้นๆ เป็นโรคงูสวัดห้ามกินอะไรบ้าง อาหาร ผัก ผลไม้ชนิดไหนควรเลี่ยง สามารถเช็กข้อมูลได้ที่นี่
เป็นโรคงูสวัด ห้ามกินอะไรบ้าง
นอกจากการกินยาแล้ว หนึ่งในวิธีดูแลอาการให้ดีขึ้นโดยเร็ว คือ การเลือกกินอาหารที่ประโยชน์ และเลี่ยงอาหารต้องห้าม ดังนี้
1. อาหารที่มีกรดอะมิโนอาร์จินีนสูง
อาร์จินีน (Arginine) เป็นกรดอะมิโนที่มีส่วนกระตุ้นให้ไวรัสกลุ่มเริมและงูสวัดลุกลามได้ดีขึ้น ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารอาร์จินีน เช่น ช็อกโกแลต ถั่วลิสง ถั่วแดง ถั่วดำ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เจลาติน ทูน่ากระป๋อง งา
2. อาหารทอดที่มีไขมันอิ่มตัวสูง น้ำมันเยอะ
อาหารที่มีไขมันสูง จะนำไปสู่การสร้างไขมันส่วนเกิน ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบได้ง่าย และภูมิคุ้มกันลดลง เช่นขนมปังที่มีเนย นม ครีม ชีส หรือน้ำตาลสูงกว่าปกติ ไก่ทอด หมูทอด ของทอด มันฝรั่งทอด แฮมเบอร์เกอร์ ซุปครีม
3. อาหารรสหวานจัด น้ำตาลสูง
น้ำตาลเป็นสารอาหารที่ทำให้ร่างกายอักเสบมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันให้ลดลงกว่าเดิม โดยอาหารที่มีรสหวานจัด และน้ำตาลสูง เช่น เค้ก เบเกอรี น้ำอัดลม น้ำหวาน ชานมไข่มุก นมเปรี้ยว หรือนมปรุงแต่งรส
4. อาหารรสจัด
อาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือเค็มจัด อาจส่งผลให้แผลระคายเคืองและอักเสบง่ายได้กว่าเดิม เช่น ส้มตำ ต้มยำ น้ำพริก แกงเผ็ด ผัดพริกแกง
...
5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้โรคงูสวัดหายช้ากว่าเดิม เนื่องจากจะเข้าไปทำลายเซลล์เนื้อเยื่อยุ ทำลายระบบคุ้มกัน และจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย เช่น เบียร์ เหล้า ไวน์ กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง
6. อาหารดอง หรืออาหารกึ่งสุก กึ่งดิบ
เนื่องจากอาหารดอง หรืออาหารกึ่งสุก กึ่งดิบจะต้องผ่านกระบวนการหมัก มีโซเดียมและน้ำตาลสูง ซึ่งจะไปกระตุ้นการอักเสบของร่างกาย โดยอาหารประเภทนี้ที่ควรเลี่ยง เช่น ผลไม้ดอง แหนม ปลาร้า ก้อย ลาบ เส้นหมัก
งูสวัด ห้ามกินผัก-ผลไม้อะไรบ้าง
แม้ผักและผลไม้จะมีประโยชน์ แต่บางชนิดอาจมีน้ำตาลสูง ทำให้การอักเสบแย่ลง เพิ่มอาการคัน หรือกระตุ้นให้เกิดอาการปวดร้อน ทางที่ดีควรเลี่ยงผักและผลไม้ ดังต่อไปนี้
- ทุเรียน เนื่องจากมีไขมันและน้ำตาลสูง
- ลำไย ลิ้นจี่ องุ่น เนื่องจากน้ำตาลสูง ซึ่งจะไปกระตุ้นการอักเสบ
- มะม่วงสุก มีน้ำตาลสูง ทำให้แผลหายช้า
- กล้วยหอม ในผู้ป่วยบางรายอาจทำให้เกิดผื่นคัน
- พริก มะเขือเทศ เนื่องจากมีสารที่อาจทำให้รู้สึกแสบร้อน
- กระเทียม หัวหอม อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในผู้ป่วยบางราย
- ขิง ข่า ตะไคร้ อาจเพิ่มความรู้สึกแสบร้อนบริเวณแผลได้
ในขณะเดียวกันผลไม้ที่แนะนำให้กินช่วงที่เป็นงูสวัด คือ ผลไม้ที่มีวิตามินสูง น้ำตาลต่ำ สามารถช่วยต้านการอักเสบ และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ผักใบเขียว แตงกวา ฟักทอง
เคล็ดลับการกินอย่างไรให้แผลงูสวัดหายเร็ว
- กินอาหารที่มีรสชาติอ่อน ย่อยง่าย
- เพิ่มโปรตีนคุณภาพดี เช่น ไข่ ปลา ไก่ไม่ติดหนัง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- เน้นผลไม้ และผักที่ช่วยลดอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย
- อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ, วิตามินบี 12, วิตามินซี, วิตามินอี หรือธาตุสังกะสี
หลังจากที่รู้แล้วว่าโรคงูสวัด ห้ามกินอะไรบ้าง แนะนำให้เลี่ยงหรืองดอาหารเหล่านี้ไปก่อน ในขณะเดียวกันแนะนำให้เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอก็จะช่วยให้แผลแห้งเร็ว ลดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ดียิ่งขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ขมิ้นชัน ห้ามกินคู่กับอะไร เปิด 10 ของต้องห้าม กินยา วิตามินตัวไหนควรเลี่ยง
- 5 โรคที่ห้ามกินกระเทียม มีอะไรบ้าง เช็กสรรพคุณ และโทษควรระวังที่นี่
...