
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 งานแสดงและจำหน่ายรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีนี้ ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 29 พ.ย. - 10 ธ.ค. นี้ ณ อาคารชาลเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้รับความสนใจจากประชาชนมากกว่าทุกปี มีผู้มาจับจองรถยนต์ในงานนี้อย่างคึกคัก เพราะงานนี้มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ อย่างมาก รวมทั้งมีการจัดแคมเปญโปรโมชั่นกันดุเดือดแล้ว อีกทั้งยังสืบเนื่องจากในปีหน้าจะมีการประกาศใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ เพื่อส่งเสริมการใช้และการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้บริโภคกังวลว่าราคารถยนต์ที่ใช้น้ำมันในปีหน้าจะสูงขึ้น
ขณะเดียวกันยังเป็นเพราะมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV 3.0) ของภาครัฐ ซึ่งให้เงินอุดหนุนสูงสุด 150,000 บาทต่อคัน และลดภาษีนำเข้าบางส่วน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค. 2568 ซึ่งจะส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้าที่เคยได้อานิสงส์จากมาตรการนี้จะต้องปรับสูงขึ้น โดยเมื่อเงินอุดหนุนสิ้นสุดลง ต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่อาศัยเงินสนับสนุนเต็มจำนวนจะปรับสูงขึ้นทันทีตามภาระต้นทุนจริงของผู้ผลิต ซึ่งคาดว่าจะสะท้อนออกมาในราคาขายปลีก โดยเฉพาะรถนำเข้าแบบ CBU ที่เคยพึ่งพาการลดภาษีนำเข้าและเงินชดเชยจากรัฐเป็นหลัก
ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่รายหนึ่งระบุว่า ราคาของรถบางรุ่น เช่น รถจีนยอดนิยม อาจต้อง “กลับไปที่ระดับราคาเดิมก่อนรับเงินอุดหนุน” หรือสูงกว่าเดิม หากผู้ผลิตไม่สามารถดูดซับต้นทุนส่วนเพิ่มได้ ขณะที่หลายค่ายได้มีการจัดโปรโมชั่นแรงช่วงปลายปี 2568 โดยเฉพาะที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 เพื่อระบายสต็อกและรองรับความต้องการก่อนมาตรการหมดอายุ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า “ความผันผวนด้านราคา” จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปี 2568–2569 โดยผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในช่วงโค้งสุดท้ายของมาตรการ อาจได้ราคาที่คุ้มค่ากว่า ก่อนตลาดเข้าสู่โครงสร้างราคาที่สะท้อนต้นทุนจริงมากขึ้นในปี 2569 จึงส่งผลให้บูธค่ายรถยนต์ไฟฟ้าหลายค่ายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 คึกคักมากเป็นพิเศษ